สิงคโปร์เร่งผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในระยะยาว และจัดตั้งสถานีเติมไฟฟ้าทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 กรมขนส่งทางบกของสิงคโปร์ (Land Transport Authority – LTA) ได้เผยแพร่สถิติการจดทะเบียน EVs จำนวน 1,485 คัน จากรถยนต์ทุกประเภท 639,373 คัน โดยเพิ่มขึ้น 268 คัน จากปี 2563 ปัจจุบัน สิงคโปร์มีสถานีให้บริการเติมไฟฟ้า EVs จำนวน 168 แห่ง โดยมีจุดจ่ายไฟภายในทุกสถานีฯ รวมกัน ประมาณ 1,600 จุด ผู้ให้บริการสถานีเติมไฟฟ้า EVs ในสิงคโปร์ ได้แก่ 1) BlueSG: 74 แห่ง 2) SP Group: 44 แห่ง 3) Shell: 18 แห่ง 4) Greenlots (บริษัท ในเครือ Shell Group): 21 แห่ง 5) Charge+: 7 แห่ง และ 6) Caltex: 4 แห่ง ทั้งนี้ LTA ได้สนับสนุนเงิน EV Common Charger Grant เพื่อผลักดันการติดตั้งจุดเติมไฟฟ้า EVs 2,000 จุด ภายในธันวาคม 2566

หลังจากที่นาย Heng Swee Keat รองนายกรัฐมนตรีแถลงงบประมาณปี 2563 ว่ารัฐบาลสิงคโปร์ตั้งเป้ายุติการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปล้วน (Internal Combustion Engine – ICE) ภายในปี 2583 นั้น LTA ก็ได้จัดตั้งศูนย์ EV แห่งชาติ (National Electric Vehicle Center – NEVC) เพื่อขับเคลื่อนการใช้ EVs ในทันที รวมถึงเร่งติดตั้งสถานีเติมไฟฟ้า EVs และทบทวนกฎระเบียบและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนา ecosystem ในสิงคโปร์ที่เหมาะสมกับการใช้ EV อย่างครอบคลุม

นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์วางแผนการติดตั้งจุดชาร์จ EVs ใน 8 เขตที่พักอาศัย HDB (Eight EV-Ready Towns by 2025) ได้แก่ 1) Ang Mo Kio 2) Bedok 3) Choa Chu Kang 4) Jurong West 5) Punggol 6) Queenstown 7) Sembawang และ 8) Tengah ภายในปี 2568 และวางแผนการติดตั้งจุดชาร์จ EVs ใน HDB เขตอื่นทั่ว สิงคโปร์ให้พร้อมใช้งานภายในปี 2573 

LTA มีนโนบายจะเปลี่ยนรถประจำทางทั้งหมดในสิงคโปร์ให้เป็นประเภทพลังงานสะอาด โดยเมื่อปี 2563 LTA ซื้อรถโดยสารไฟฟ้า (electric bus) จำนวน 60 คัน ซึ่งบางส่วนได้เริ่มใช้งานแล้ว และจะใช้งานเต็มจำนวนภายในปี 2564 ทั้งนี้ รถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 60 คัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากท่อไอเสียประมาณ 7,840 ตัน/ปี เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซ CO2 ของรถยนต์ 1,700 คัน/ปี

ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์

แม้ว่านาย Elon Musk ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Tesla ได้กล่าวใน Twitter ส่วนตัวว่ารัฐบาลสิงคโปร์ไม่สนับสนุนการใช้ EVs เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์เคยเก็บค่าธรรมเนียมการใช้รถ EV เพิ่มเติมเมื่อปี แต่หลังจากที่ รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศนโยบายส่งเสริมการใช้ EVs อย่างเข้มข้นในช่วงปีที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 Tesla มีแผนจะตั้งสำนักงานที่เขต Toa Payoh สิงคโปร์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขจำนวนสั่งซื้อ แต่ผู้ติดตามสถานการณ์ตลาดคาดการณ์ว่าจำนวนสั่งซื้ออยู่ระหว่าง 200 – 500 คัน

ตั้งแต่ปี 2562 บริษัทให้บริการรถโดยสารและจัดส่งอาหาร Grab ได้ซื้อ EVs ของ Hyundai จำนวน 200 คัน เพื่อปล่อยเช่าให้กับผู้ขับรถ Grab Car ของบริษัท และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 Grab ร่วมกับ Hyundai Motor Group เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อสนับสนุนการใช้ EVs ในกลุ่มผู้ให้บริการรถโดยสารและจัดส่งอาหาร รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ EVs เช่น การเช่าแบตเตอรี่ และการปล่อยสินเชื่อ EVs สำหรับผู้ให้บริการรถโดยสารของ Grab เป็นต้น เพื่อทดสอบตลาดธุรกิจ EVs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมื่อปี 2563 ธุรกิจบริการ EV car-sharing ‘BlueSG’ บริษัทในเครือ Goldbell Group (เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564) มียอดการใช้ถึง 1 ล้านครั้ง นับตั้งแต่เริ่มกิจการเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ปัจจุบัน BlueSG ให้บริการ EVs 650 คัน และจุดชาร์จ EVs ประมาณ 1,200 จุด ทั่วสิงคโปร์

ข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อเดือนมีนาคม 2564 สำนักข่าว Wall Street Journal ของสหรัฐ ได้เผยแพร่งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Toronto ว่า EVs ก่อให้เกิดร่องรอยคาร์บอนมากกว่ารถยนต์ ICE เพราะแบตเตอรี่ EVs ใช้ทรัพยากรสูง โดยการผลิต EVs ขนาดกลางปล่อยก๊าซ CO2 12.2 ตัน ในขณะที่การผลิตรถยนต์ ICE ก่อให้เกิดก๊าซ CO2 เพียง 7.4 ตัน แต่หากใช้รถยนต์ถึงระยะทาง 33,300 กิโลเมตร (ระยะทางเฉลี่ยการใช้รถยนต์ครอบครัวในสิงคโปร์ 2 ปี) รถยนต์สองประเภทปล่อยก๊าซ CO2 ในปริมาณเท่าเทียมกัน และหากใช้งานถึงระยะทางระยะทาง 165,000 กิโลเมตร (ระยะทางเฉลี่ยการใช้รถยนต์ครอบครัวในสิงคโปร์ 10 ปี) รถยนต์ ICE ผลิต CO2 จำนวน 43.6 ตัน เทียบกับ EVs ที่ 24.4 ตัน ดังนั้น การส่งเสริมการใช้ EVsเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นแผนระยะยาว โดยต้องส่งเสริมการใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 – 10 ปี

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 บริษัทวิจัยข้อมูล Fitch Solutions ได้เผยแพร่ตัวเลขคาดการณ์ของยอดจำหน่าย EVs ปี 2564 ในสิงคโปร์จะเติบโต 170 % โดยจะมียอดขายถึง 475 คัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยระหว่างปี 2564 – 2573 บริษัทฯ คาดว่ายอดจำหน่าย EVs จะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 40 ต่อปี (ประมาณ 7,000 คัน/ปี) และคาดว่าจะมี EVs ในสิงคโปร์ 10,000 คัน ภายในปี 2568

นอกจากนี้ เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ EVs สิงคโปร์จะเริ่มบังคับใช้ระบบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste management system) ในเดือนกรกฎาคม 2564 บนพื้นฐานของ Extended Producer Responsibility (EPR) ซึ่งกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าและผลิต EVs/แบตเตอรี่ EVs รวบรวมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ของตนเมื่อครบอายุการใช้งาน


ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC)
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง