หลังจากที่ Facebook ประกาศ rebranding และเปลี่ยนชื่อเป็น Meta เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ได้ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวกับกระแสเมตาเวิร์ส ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมหลักที่บริษัท Meta จะมุ่งมั่นพัฒนาในช่วง 10 – 15 ปีต่อจากนี้ โดยหวังว่าเมตาเวิร์สจะช่วยยกระดับวงการอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ (social media) ซึ่งเริ่มอิ่มตัว โดยมีหลักการสำคัญคือ การสร้างประสบการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตให้ใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงมากที่สุด โดยผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมและได้รับประสบการณ์เสมือนจริงมากกว่าแค่เพียงการมองเท่านั้น นอกจาก Meta แล้ว บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้ง Roblox Microsoft Nvidia Unity Snap Autodesk Tencent Epic Games และ Amazon ก็ได้ลงทุนเพื่อพัฒนาเมตาเวิร์สของตนเอง ส่วนนักธุรกิจในสิงคโปร์ก็ตื่นตัวกับการนำเทคโนโลยีเมตาเวิร์สมาใช้ในการส่งเสริมการขายแบบออนไลน์อย่างยิ่ง

กระแสความนิยมเมตาเวิร์สจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจค้าปลีกต่างๆ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการบริโภคมากขึ้น นาย Vinnie Lauria ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Golden Gate Ventures ในสิงคโปร์ เห็นว่าเมตาเวิร์สเป็นจุดเริ่มต้นของ “e-commerce 3.0” โดยสิงคโปร์จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นาย Derek Wang ผู้จัดการ ทั่วไป บริษัท Alibaba Cloud Intelligence ในสิงคโปร์ คาดว่า metaverse e-commerce สามารถเริ่มต้นในสิงคโปร์และประเทศไทยได้ โดยมี Cloud หรือคลังเก็บข้อมูลออนไลน์เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักร่วมกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล AI และ IoT ทั้งนี้ เมตาเวิร์สและการแข่งขันด้านเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Augmented Reality – AR) และภาพเสมือนจริง (Virtual Reality – VR) VR จะผลักดันให้ธุรกิจค้าปลีกก้าวสู่ยุค “hyper-personalization” ที่พฤติกรรมการบริโภค ข้อมูลของลูกค้าแต่ละราย ในทุกรูปแบบ ทุกแพลตฟอร์มจะถูกเชื่อมโยง นำมาวิเคราะห์เพื่อให้ธุรกิจทำการตลาดแบบเข้าใจผู้บริโภครายบุคคลมากขึ้น

สิงคโปร์เริ่มพัฒนาบริษัทด้านเมตาเวิร์สทั้งในระดับ Start-ups อาทิ BuzzAR และระดับ MSMEs โดยนาย Choo แห่งบริษัท True Global Ventures มองว่าสิงคโปร์ซึ่งมีศักยภาพและมุ่งเน้นเทคโนโลยี Blockchain จะเป็นผู้นำในเมตาเวิร์สของภูมิภาค ในอีก 5- 10 ปีข้างหน้าเมตาเวิร์สอาจจะกลมกลืนในวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน บทสนทนาอาจเป็นว่า “เดี๋ยวเราเจอกันใน Meta” (โดยบริษัท Meta อาจมีความได้เปรียบด้านเวลา เหมือนที่คนเรียก “Xerox” สำหรับการถ่ายสำเนาเอกสาร) นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์ได้ใช้ AR และ VR เพื่อดึงดูดลูกค้าในการทดลองสินค้า เป็นการผสมผสานประสบการณ์การซื้อสินค้าจากหน้าร้านจริงและออนไลน์ อย่างไรก็ตาม โดยที่การซื้อสินค้าจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอยู่แล้ว การพัฒนาเมตาเวิร์สใน e-commerce เพื่อมาทดแทนหรือแย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก e-commerce แบบเดิมจึงยังต้องใช้ระยะเวลาอีกมากและไม่ใช่เรื่องง่าย โดยควรจะต้องตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคไซเบอร์ที่ต้องการความรวดเร็วและแปลกใหม่ให้ได้มากที่สุด

ความท้าทายในการพัฒนาเมตาเวิร์ส

การนำระบบเมตาเวิร์สมาใช้ในภาคธุรกิจยังมีความท้าทายทั้งในด้านกฎระเบียบและด้านสังคม (อาจเกิดสภาพสังคมที่ไม่พึงประสงค์ หรือ dystopian) ได้แก่ 1) การละเมิดข้อมูลส่วนตัว ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลานานผ่านอุปกรณ์ VR พฤติกรรมผู้ใช้จะถูกติดตามและจดบันทึกอย่างต่อเนื่อง 2) การพัฒนากฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (data privacy) สำหรับเมตาเวิร์สโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและข้อพิพาท รวมถึงกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 3) การผูกขาดจากวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในเมตาเวิร์สอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการขนาดเล็ก และ 4) ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ช่องว่างระหว่างผู้คนที่สามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากเมตาเวิร์ส กับผู้คนที่อาจประสบปัญหาในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนั้นมีสูง และ 5) ประเด็นเรื่องสัญชาติและชาติพันธุ์ในเมตาเวิร์สซึ่งอาจแตกต่างจากสังกัปของสัญชาติและชาติพันธุ์ในโลกแห่งความเป็นจริง อาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางสัญชาติและชาติพันธุ์ใหม่ ๆ รวมถึงปัญหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างอัตลักษณ์ (identity)

ในเมตาเวิร์สกับโลกแห่งความเป็นจริง อาจสร้างประเด็นปัญหาใหม่ ๆ ในทางรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
นอกจากนี้ ในด้านการเงินการธนาคาร เมตาเวิร์สจะสนับสนุนการใช้ Non-Fungible Token (NFT) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นเดียวกับสกุลเงินคริปโต โดย NFT ทำหน้าที่เป็นโฉนดที่ดินหรือใบแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินในเมตาเวิร์ส ซึ่ง NFT แต่ละฉบับจะไม่สามารถทำซ้ำหรือคัดลอกได้ และมักจะอยู่ในรูปแบบของสินทรัพย์ที่มีความเฉพาะตัวสูง เช่น ผลงานศิลปะคริปโต (Crypto Art) รูปถ่าย ภาพ Meme เพลง วิดีโอ ของสะสม การ์ดเกม กีฬา และการ์ตูน รวมถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่น ทั้งนี้ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ อาจไม่สนับสนุนการใช้ NFT เช่นเดียวกับการไม่สนับสนุนการชำระสินค้าด้วยเงินคริปโตในโลกของความเป็นจริง เนื่องจากจะลดเสถียรภาพของระบบการเงินการธนาคาร และควบคุมยากเนื่องจากจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อพัฒนากฎหมายที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อจัดระเบียบเมตาเวิร์ส ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เนื่องจากเมตาเวิร์สยังอยู่ในช่วง early adopter จึงยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสิทธิ์ในสินทรัพย์เมตาเวิร์สตามกฎหมาย รวมถึงการรับรองเอกสารการถือครองสินทรัพย์เมตาเวิร์ส ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสำเนาในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น

การใช้เทคโนโลยีเมตาเวิร์สไปใช้ประโยชน์ในสาขาอื่น ๆ

การขยายโครงข่ายระบบ 5G ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ทั่วทั้งสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในวาระการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่สำคัญของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งระบบ 5G จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเมตาเวิร์สในสิงคโปร์ด้วย โดยสิงคโปร์เริ่มนำระบบเทคโนโลยี AR และ VR มาใช้ประโยชน์ในสาขาต่าง ๆ ดังนี้

การแพทย์ทางไกล ได้แก่ (1) สิงคโปร์อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการส่งข้อมูลและอาการของผู้ป่วยแบบทันที (real-time transfer of data) จากรถพยาบาล (ในระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาล) ไปยังแพทย์ที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตหรือประสบอุบัติเหตุ (2) บริษัท Epic Games ยังได้พัฒนาเกม VR 3 มิติเพื่อให้ผู้เล่นฝึกการผ่าตัดในรูปแบบต่าง ๆ แบบเสมือนจริงด้วย และ (3) วิทยาลัย Nanyang Polytechnic ร่วมมือกับ โรงพยาบาล National University Hospital (NUH) ในการพัฒนาแว่นตา hologram สำหรับนักศึกษาศัลยแพทย์ ซึ่งระหว่างผ่าตัดแว่นตาจะช่วยแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการผ่าตัด และช่วยจำลองความเป็นไปได้ของการผ่าตัดในรูปแบบต่าง ๆ

แหล่งที่มา: NUHS

การจำลองการบินและการฝึกบิน กองการฝึกสำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS) และโรงเรียนการบินสิงคโปร์ (Singapore Aviation Academy) ร่วมกับบริษัท Hiverlab พัฒนาโปรแกรมการฝึกบินโดยใช้ระบบ VR ขั้นสูง เพื่อให้นักบินได้ฝึกบินในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีระบบ 5G ซึ่งมีความเสมือนจริงอย่างยิ่ง

ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ภาควิชาการของสิงคโปร์สนใจที่จะนำซอฟท์แวร์การศึกษาด้วยระบบ AR VR มาใช้ในการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ อาทิ Biotechnology Simulator ของบริษัท Carolina Biological Supply Company มาใช้ในการเรียนการสอนวิชาชีววิทยา โดยการนำระบบ 5G ลดต้นทุน เพิ่มความหลากหลาย

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อสังเกต

แม้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ จะให้ความเห็นใกล้เคียงกันว่า “metaverse e-commerce” ไม่น่าจะกลายเป็นรูปแบบของ e-commerce และกิจกรรมบนโลกออนไลน์ในเร็ว ๆ นี้ แต่เมตาเวิร์สจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทศวรรษข้างหน้า โดยในสหรัฐฯ 1) Roblox แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเกมของตัวเอง ได้เป็นผู้นำในการสร้างเมตาเวิร์ส แข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Epic Games และ Nvidia 2) Nike เพิ่มการจัดหาพนักงานออกแบบเสมือนจริง อาจนำไปสู่แผนการขายรองเท้าผ้าใบเสมือนจริง 3) Dyson สร้างโชว์รูม VR เพื่อให้ลูกค้าเรียกดูตัวอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับในจีน บริษัท Alibaba Tencent ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สด้วยแล้ว

โดยที่เมตาเวิร์สจะเป็นพื้นที่ใหม่ที่ผู้คนสามารถเลือกซื้อสินค้า พบปะสังสรรค์ และเสพสื่อบันเทิงในรูปแบบใหม่ ๆ ผู้ประกอบการไทยจึงควรติดตามพัฒนาการของเมตาเวิร์สอย่างใกล้ชิด โดยผู้ประกอบธุรกิจด้านการค้าปลีกสามารถพิจารณานำเทคโนโลยี AR VR มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยอาจร่วมมือกับธุรกิจในสิงคโปร์ ซึ่งมีเทคโนโลยีด้าน AR และ VR ชั้นนำในภูมิภาค ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การบริโภครูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและช่องทางการพัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับยุคสมัยแห่ง e-Commerce 3.0 ในประเทศไทย


ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC)
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง