สิงคโปร์เล็งคุมการปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮต์ในผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566  นาง Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม สิงคโปร์ได้กล่าวในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “แนวทางและคำแนะนำสำหรับคุณภาพอากาศภายในอาคาร” โดยหน่วยงาน Alliance for Action (AfA) on Sustainable Spaces1 ว่า รัฐบาลสิงคโปร์จะพิจารณากฎระเบียบและข้อจำกัดในการปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ในผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและของตกแต่งภายในอาคารอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความสำคัญของคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดี แม้ว่าจะต้องพิจารณาเกณฑ์ชี้วัดต่างๆ เช่น ระดับการปล่อยมลพิษที่พิจารณาว่าอันตราย ฝ่ายใดควรได้รับการควบคุม และกลไกทั้งหมดสำหรับการกำหนดนโยบายก่อนที่จะตัดสินใจ

แนวทางเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับระบบการระบายอากาศ และคุณภาพอากาศ ส่งผลให้รัฐบาลสิงคโปร์และหลายๆ บริษัทได้เข้ามาจัดการปัญหาดังกล่าว บริษัท C&W Services ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรับปรุงสำนักงานระหว่างเดือนตุลาคม 2564 โดยบริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อจะได้คอยตรวจสอบและรักษาคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดี เช่น การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในสำนักงาน การติดตั้งแผงเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ หน้าจอรวบรวมสรุปผลข้อมูล (Dashboard) ทั้งนี้ ภายใต้แนวทางดังกล่าว บริษัทต่างๆ จะต้องส่งรายงานการทดสอบสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อขอใบรับรองก่อนการขายและจะต้องแสดงหลักฐานของสินค้าที่เป็นไปตามข้อกำหนดการปล่อยสารมลพิษ  

“แนวทางสำหรับคุณภาพอากาศภายในอาคาร” ถูกพัฒนาจากการปรึกษาบุคคลในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญห้าประการ ได้แก่ (1) ข้อจำกัดในการปล่อยมลพิษสำหรับผลิตภัณฑ์และของตกแต่งภายในอาคาร (2)การรักษามาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดี (3) การออกใบรับรองให้กับโรงงานที่พยายามรักษาคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดี (4) แนวทางความปลอดภัยและสุขภาพในสถานที่ปฏิบัติงาน/สถานทำงาน และ (5) การตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารและการออกมาตรการในการบรรเทาผลกระทบต่างๆ รวมถึงคำแนะนำให้สถานประกอบกิจการต่างๆ สร้างและใช้สินค้าที่ปล่อยมลพิษต่ำมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชนมากขึ้น

นาย Lim Ming Yan ประธานสภาธุรกิจสิงคโปร์ (Singapore Business Federation : SBF) กล่าวว่า แนวทางใหม่นี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในแนวทางสำหรับคุณภาพอากาศในอาคารที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมถึงสถานการณ์ที่ผู้เช่าดำเนินการปรับปรุงด้วยตนเอง หลังจากสร้างอาคารแล้ว เพราะบางครั้งผู้เช่าไม่ทราบถึงประเภทวัสดุที่เลือกใช้ว่าอาจส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคารได้ 

นาย Phua Boon Huat ประธานสภาอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์สิงคโปร์ (Singapore Furniture Industries Council : SFIC) กล่าวเสริมว่า ในเดือนเมษายน 2564 สภาฯ มุ่งมั่นที่จะจัดหา หรือใช้งานผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟอร์มาดีไฮด์ต่ำ หรือปราศจากสารฯ โดยการใช้แนวทางอุตสาหกรรมใหม่เหล่านี้จะส่งผลให้ประชาชนและผู้บริโภคจะสามารถเพลิดเพลินกับพื้นที่ในร่มที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน สภาฯ อยากจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้เลือกใช้วัสดุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยกว่าในการออกแบบเสนองาน

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความคิดเห็นของ สคต.

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศหันมาให้ความสำคัญกับการปล่อยสารมลพิษ หรือคุณภาพอากาศในอาคารมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลสิงคโปร์ได้พิจารณาแนวทางสำหรับคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างจริงจัง นอกจากนี้ หลายๆ บริษัท/อุตสาหกรรมในสิงคโปร์ต่างเริ่มปรับตัวกับแนวความคิดดังกล่าว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์จึงควรเริ่มปรับตัวสู่การผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพผู้ใช้ หรือการเลือกใช้วัสดุที่มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ต่ำ/ปลอดสารพิษ เพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดโลกอีกด้วย 


1 หน่วยงาน Alliance for Action (AfA) on Sustainable Spaces ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง Singapore Business Federation (SBF) Singapore Furniture Industries Council (SFIC) และ Singapore Green Building Council (SGBC) ในเดือนพฤศจิกายน 2564 นอกจากนี้ AfA ยังได้รับการสนับสนุนจาก Building and Construction Authority (BCA) และ National Environment Agency (NEA) โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยสนับสนุนนโยบายสำหรับการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืนภายในปี 2573 หรือ Singapore Green Plan 2030


สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง