YouTrip Singapore ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อการท่องเที่ยว (multi-currency travel wallet)
ของสิงคโปร์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างชาวสิงคโปร์ พบว่า (1) ในช่วงหลังโควิด-19
ประเทศที่ชาวสิงคโปร์ต้องการไปท่องเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย มาเลเซีย ออสเตรเลีย และ เกาหลีใต้ และ (2) ชาวสิงคโปร์ร้อยละ 85 เต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นสำหรับการท่องเที่ยวในต่างประเทศครั้งแรก
ภายหลังโควิด-19 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับผลการสำรวจของ The State of Southeast Asia: 2021 Survey Report ซึ่งจัดทำโดย ASEAN Studies Centre ของสถาบัน ISEAS จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,032 คน
จากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ พบว่า เฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ชาวสิงคโปร์ประสงค์จะไปท่องเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด (ร้อยละ 43) รองลงมาคืออินโดนีเซีย (ร้อยละ 16.5) และเวียดนาม (ร้อยละ 15.2)

โดยในช่วงปีที่ผ่านมานั้น สื่อสังคมออนไลน์ของสิงคโปร์ต่างพูดถึงความต้องการไปท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นในช่วงหลังโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากสิงคโปร์ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และไม่มีโรงแรมหรือรีสอร์ทที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งชาวสิงคโปร์ที่ให้ความสนใจการท่องเที่ยวดังกล่าวแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องการพาบุตรหลานไปสัมผัสกับกิจกรรมที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เช่น กิจกรรมการเกษตร (เรียนรู้ที่มาของอาหาร การปลูกผัก ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก อาทิ การเก็บไข่ไก่) และกิจกรรมกลางแจ้ง (การขี่ม้า การพายเรือ และการเรียนรู้เรื่องสัตว์และกีฏวิทยา) และ (2) กลุ่มวัยรุ่น/วัยทำงาน
ที่นิยมเช่ารถไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัด เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมืองพัทยา และอำเภอหัวหิน เป็นต้น

อีกหนึ่งกระแสความนิยมการท่องเที่ยวในไทยของชาวสิงคโปร์ คือ การเดินทางเพื่อไปเล่นกีฬากอล์ฟ
โดยรายงาน Singapore Golf Industry Report ของ Singapore Golf Association เมื่อเดือนกันยายน 2561 ระบุว่า (1) สิงคโปร์มีผู้เล่นกีฬากอล์ฟทั้งสิ้นประมาณ 80,000 คน (จากจำนวนประชากรทั้งประเทศประมาณ 5.6 ล้านคน) โดยเป็นนักเล่นกอล์ฟประจำ 25 % และส่วนใหญ่เป็นเพศชายที่มีอายุมากกว่า 55 ปี และ (2) ปัจจุบันสิงคโปร์มีสนามกอล์ฟ จำนวน 15 แห่ง หากประชาชนทุกคนในสิงคโปร์เล่นกอล์ฟ อัตราความหนาแน่นของพื้นที่สนามกอล์ฟต่อจำนวนประชากรจะสูงถึง 350,000 คน/สนามกอล์ฟ 1 แห่ง

อีกทั้งเมื่อเดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา สื่อมวลชนท้องถิ่นของสิงคโปร์และต่างประเทศ
ได้รายงานข่าวเรื่องการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟในประเทศไทยและเรื่องนโยบายสถานกักกันในกิจการกอล์ฟ (Golf Quarantine) ของไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยกีฬากอล์ฟ โดยเห็นว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดนักเล่นกอล์ฟจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี ซึ่งสภาพอากาศในประเทศไทยเหมาะสมที่จะเล่นกอล์ฟมากที่สุด ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเล่นกอล์ฟในประเทศไทย เป็นกลุ่มที่มารายได้สูง จึงสามารถจ่ายค่าที่พักและค่าใช้จ่ายในการกักตัวในกิจการกอล์ฟได้ อีกทั้งจากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในช่วงก่อนโควิด-19 พบว่าไทยได้ต้อนรับนักเล่นกอล์ฟจากทั่วโลก จำนวน 700,000 คนต่อปี โดยมีปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายในการเล่นกอล์ฟในประเทศไทย ยังคงถูกกว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย (2) ความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของรูปแบบสนามกอล์ฟ (3) บริการที่ครบวงจรมากกว่า โดยเฉพาะผู้ช่วยในสนาม (caddies) ของไทยที่มีอัธยาศัยไมตรีและให้บริการด้วยมิตรภาพแบบไทย (4) บริการสปาและนวดแผนไทยที่มีชื่อเสียง ทำให้เกิดความนิยมไทยในหมู่นักกอล์ฟต่างประเทศ ดังนั้น ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวของไทยควรเตรียมความพร้อมทั้งด้านสินค้าและบริการ และควรศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากขึ้นในช่วงหลังโควิด-19


ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC)
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง