สิงคโปร์มุ่งมั่นสู่ศูนย์กลาง AI ระดับโลก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ  

ในบรรดาจุดสำคัญระดับโลกบริษัท Goldman Sachs Economic Research ได้ทำการวิจัยการเติบโตของการลงทุนด้าน AI พบว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยการลงทุนภาคเอกชนทั่วโลกในปีนี้อยู่ที่ 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและคาดว่า มูลค่าตลาดรวมของภาคส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568

แนวโน้มการเติบโตของการลงทุนใน AI ในอีก 3 ปีข้างหน้า
แหล่งที่มา: GoldmanSachs (https://www.goldmansachs.com/intelligence/pages/ai-investment-forecast-to-approach-200-billion-globally-by-2025.html)

สิงคโปร์ก้าวกระโดดติดอันดับ 3 ในดัชนี AI ของโลกตามหลังจีนและสหรัฐอเมริกา

The Global AI Index 2566 ได้จัดอันดับประเทศที่มีการลงทุนและพัฒนาเกี่ยวกับ AI ใน 62 ประเทศ โดยอิงจากการวิเคราะห์สามเสาหลัก ดังนี้ การลงทุน นวัตกรรม และการนำไปปฏิบัติโดยสิงคโปร์อยู่ลำดับที่ 3 รองจากสหรัฐฯ และจีน ขยับขึ้นจากลำดับที่ 6 ในปี 2565 ทั้งนี้ ตลาด AI ในสิงคโปร์มีโอกาสที่จะขยายตัวถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการโตเฉลี่ย 42% ต่อปี

การจัดอันดับประเทศที่มีความสามารถการลงทุนและพัฒนาเกี่ยวกับ AI ปี 2566 ของ The Global AI
แหล่งที่มา: Global AI Index (https://www.tortoisemedia.com/intelligence/global-ai/?ref=thestack.technology#data)

การสนับสนุนของรัฐบาลสิงคโปร์สำหรับสตาร์ทอัพด้าน AI และเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางด้าน AI 

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับสตาร์ทอัพชั้นนำด้าน AI ก็คือ จำนวนและความหลากหลายของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับ AI รัฐบาลสิงคโปร์เล็งเห็นประโยชน์ของธุรกิจ AI ในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจรวมถึงประโยชน์ในการใช้ AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อีกทั้งเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่อ่อนไหวต่อต้นทุน (cost sensitive) มากที่สุด จึงผลักดันนโยบายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจด้าน AI ที่ชัดเจนโดยเฉพาะในการสร้างระบบนิเวศ AI ผ่านโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการ AI ระดับชาติที่สำคัญและดำเนินการโดย National Research Foundation (NRF) เพื่อพัฒนาระบบนิเวศ AI และทำให้สิงคโปร์อยู่ในแผนที่โลกของการเป็นผู้นำในด้าน AI โดยมุ่งเน้นและสนับสนุนวิจัย การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการนำ AI มาใช้ในภาครัฐและเอกชน AI Singapore อยู่ในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยแห่งชาติ เป็นสถานที่รวบรวมสถาบันวิจัยกับบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI และบริษัทต่าง ๆ ที่กำลังพัฒนาโซลูชั่น AI เพื่อแบ่งปันความรู้ระหว่างกันและยังมีโอกาสในการร่วมทุนกับบริษัททุกขนาดเพื่อสร้างและพัฒนาโซลูชั่น AI ทั้งนี้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI กว่า 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อพัฒนาให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่เอื้อต่อการพัฒนาสตาร์ทอัพด้าน AI เช่น การสนับสนุนงบประมาณให้บริษัทเอกชนเช่น Schmidt Futures เพื่อร่วมทำวิจัยกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ในการพัฒนา AI เพื่อวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และคณิตศาสตร์

แหล่งรวมความสามารถและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI

สิงคโปร์มีการวิจัยด้าน AI ต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดในโลก
แหล่งที่มา: Global AI Index (https://www.tortoisemedia.com/intelligence/global-ai/?ref=thestack.technology#data)

ผู้ประกอบการด้าน AI ทุกคนทราบดีว่าการค้นหาผู้มีความสามารถที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมักเป็นข้อจำกัดสำคัญในการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน AI  เนื่องจาก AI เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด และเป็นการยากที่จะหาผู้เชี่ยวชาญในสาขาใหม่ รัฐบาลสิงคโปร์จึงสนับสนุนและลงทุนในด้านการศึกษาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดนี้ ส่งผลให้สิงคโปร์มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้าน AI เพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยท้องถิ่นและสถาบันวิจัยในสิงคโปร์เปิดสอนหลักสูตรในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore: NUS) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการวิจัยและการศึกษาด้าน AI และเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีและปริญญาโท เพื่อเปิดโอกาสในการทำผลงานวิจัยสำหรับนักศึกษาที่สนใจด้าน AI นอกจากนี้ รายงานของ LinkedIn ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่พนักงานนำทักษะ AI มาใช้เร็วที่สุดในโลกและเป็นประเทศที่มีการวิจัยด้าน AI ต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดในโลก ด้วยปริมาณทรัพยากรที่มีความสามารถที่เพิ่มขึ้น หมายความว่าสตาร์ทอัพด้าน AI ของสิงคโปร์จะประสบปัญหาในการจัดหาและจ้างพนักงานที่พวกเขาต้องการลดลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โอกาสการลงทุนและเงินทุนด้าน AI ที่มากมายสำหรับสตาร์ทอัพไทย

นอกจากสิงคโปร์จะเป็นศูนย์กลางสำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายธุรกิจในระดับสากลแล้วยังเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการพัฒนาธุรกิจ AI ด้วยปัจจัยหลายด้าน เช่น ทรัพยากรบุคคล ระบบนิเวศที่ส่งเสริมการลงทุนด้าน AI ดังนั้น สำหรับสตาร์ทอัพไทยที่ต้องการขยายธุรกิจด้าน AI สิงคโปร์ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในการเข้าถึงทรัพยากรบุคล ข้อมูลการวิจัย และการสนับสนุนจากภาครัฐรวมถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย


ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC)
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง