การผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองและมาตรการทางสาธารณสุขของสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2565

การผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองของสิงคโปร์

หลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้ผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองและมาตรการสาธารณสุขอย่างยิ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2565 เวลา 00.01 น. รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองและเปิดยิ่งขึ้นอีก ดังนี้ 

1. ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผู้ที่เดินทางเข้าสิงคโปร์ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางเรือซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบถ้วนตามข้อกำหนดแล้ว (รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่ได้รับวัคซีน) ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งการก่อนเดินทางเข้าและเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ (รวมถึงผู้ที่เดินทางจากประเทศไทย)

2. เอกสารที่ต้องใช้ เอกสารที่ต้องแสดงในการเดินทางเข้าสิงคโปร์ ได้แก่ (1) ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 และ (2) แบบฟอร์ม SG Arrival Card ออนไลน์ https://eservices.ica.gov.sg/sgarrivalcard/) โดยกรอกข้อมูลล่วงหน้าก่อนเดินทาง 3 วัน

3. แอปพลิเคชันติดตามตัว แม้สิงคโปร์จะยกเลิกมาตรการเช็คอินบนแอปพลิเคชัน TraceTogether ในสถานที่ต่าง ๆ แล้ว  ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ยังต้องดาวน์โหลดและลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน TraceTogether บนโทรศัพท์มือถือก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์

4. ข้อยกเว้น ผู้ที่ถือบัตรพำนักระยะยาว (Long-Term Pass Holders) และนักท่องเที่ยวระยะสั้น (Short-Term Visitors) อายุ 13 ปี ขึ้นไป ซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนฯ หรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนด (non-fully vaccinated) จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสิงคโปร์ ยกเว้น (1) เป็นผู้ถือบัตรพำนักระยะยาวที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ (medically ineligible) (2) เป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ (compassionate reasons) และ (3) เป็นผู้ถือบัตรพำนักระยะยาวที่มีอายุ 13 -17 ปี ซึ่งต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนดหลังเดินทางเข้าสิงคโปร์

5. มาตรการเข้าเมืองสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนฯ หรือยังได้รับวัคซีนฯ ไม่ครบถ้วน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าสิงคโปร์ได้ จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และต้องเข้ารับการกักตัว 7 วันรวมถึงต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ในวันสุดท้ายของการกักตัว

การผ่อนคลายมาตรการสาธารณสุขเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19

ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป ดังนี้

1. มาตรการหลัก 5 ข้อ (Safe Management Measures: SMMs 1-5)

(1) ขนาดกลุ่ม: ไม่จำกัดจำนวนการรวมกลุ่มทางสังคมอีกต่อไป

(2) การใส่หน้ากาก: ยังคงมาตรการใส่หน้ากากในพื้นที่ปิด (indoor) เช่น ในอาคาร รถโดยสารสาธารณะ แต่ไม่เป็นข้อบังคับภายนอกอาคาร (outdoor)

(3) มาตรการในที่ทำงาน อนุญาตให้กลับมาทำงานที่สถานที่ทำงาน/สำนักงานได้ตามปกติ และแม้ว่าการใส่หน้ากากภายในอาคารจะยังคงเป็นข้อบังคับ แต่ในสถานที่ทำงาน สามารถอนุญาตให้ถอดหน้ากากได้ เมื่อไม่ได้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและไม่ได้อยู่ในบริเวณที่มีการพบปะลูกค้า/ผู้ใช้บริการ

(4) การเว้นระยะห่าง ไม่จำเป็นต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลหรือกลุ่มอีกต่อไป

(5) การจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้พื้นที่ (Capacity limits) ยกเลิกการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้พื้นที่ตามขนาดความจุของพื้นที่

2. มาตรการที่เข้มงวดสำหรับกิจกรรมดังต่อไปนี้ จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ART หรือ ATK ก่อนเข้าร่วมตามมาตรการ Vaccination-Differentiated Safe MMs (VDS) ได้แก่

    (1) กิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 500 คนขึ้นไป

    (2) สถานบันเทิงยามค่ำคืนซึ่งมีการเต้นรำ เช่น ไนท์คลับและดิสโก้เทค

    (3) ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งรวมถึงศูนย์อาหารต่าง ๆ ทั้งนี้ ร้าน F&B ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสถานะวัคซีนของผู้เข้าใช้บริการก่อนอนุญาตให้เข้าร้าน โดยรัฐบาลสิงคโปร์จะใช้มาตรการตรวจสอบแบบสุ่ม (random spot-checks) เป็นครั้งคราว เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้บริการได้ปฏิบัติตามมาตรการและเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วเท่านั้น

3. ยกเลิกการบังคับเช็คอินในสถานที่ต่าง ๆ ด้วยแอปพลิเคชัน TraceTogether (TT) App หรือโทเคน TT Token ยกเว้นใน 3 กรณีตามข้อ 1.2 อย่างไรก็ดี รัฐบาลสิงคโปร์ยังคงแนะนำให้อย่าเพิ่งลบ แอปพลิเคชันหรือทิ้งโทเคน เผื่อเกิดกรณีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โรคระบาดในอนาคต

4. ยกเลิกการออก Health Risk Notices (HRNs) สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใกล้ชิดในบ้านอีกต่อไป

สถานการณ์โควิด-19 ของสิงคโปร์ในปัจจุบัน

1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสิงคโปร์ และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565 สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,044 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 1,990 ราย จากต่างประเทศ 54 ราย มีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 30 ราย และพักรักษาตัวในห้อง ICU 8 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ รวมมีผู้ติดเชื้อตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดฯ จำนวน 1,182,168 ราย และเสียชีวิต 1,325 ราย

2. โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในสิงคโปร์ดีขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้ง ประชาชนสิงคโปร์ได้รับวัคซีนเป็นสัดส่วนที่สูง (เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก) และรัฐบาลสิงคโปร์ได้ผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญแล้ว ดังนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงได้ประกาศปรับลดระดับการรับมือกับโรคระบาดของสิงคโปร์ (Disease Outbreak Response System Condition: DORSCON) จากระดับสีส้ม (โรคระบาดมีความร้ายแรงและแพร่กระจายได้ง่าย แต่ยังไม่ได้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในสิงคโปร์ และสามารถควบคุมได้) ซึ่งได้ประกาศตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นระดับสีเหลือง (โรคระบาดมีความร้ายแรงและแพร่กระจายได้ง่าย แต่เป็นการแพร่ระบาดนอกสิงคโปร์ หรือการแพร่ระบาดในสิงคโปร์แต่ไม่รุนแรง และสามารถควบคุมได้) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

การดำเนินงานด้านวัคซีน

1. ณ วันที่ 23 เมษายน 2565 ร้อยละ 92 ของประชากรสิงคโปร์ทั้งหมด (total population) ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว โดยคิดเป็นร้อยละ 96 ของประชากรที่สามารถรับวัคซีนได้ (eligible population) ทั้งนี้ ร้อยละ 73 ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster) แล้ว

2. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 Expert Committee on COVID-19 Vaccination (EC19V) ได้ออกคำแนะนำให้บุคคลอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วและหายจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ภายหลังจากการติดเชื้อ 28 วันเป็นต้นไป โดยต้องไม่เกิน 9 เดือน เพื่อให้มีสถานะ fully vaccinated นอกจากนี้ ได้อนุญาตให้บุคคลอายุ 60 – 79 ปี สามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 ได้ หลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 1 ครบ 5 เดือนแล้ว โดยเป็นไปตามความสมัครใจ  

3. นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 รัฐบาลสิงคโปร์ ได้ประกาศอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติระยะสั้นสามารถจ่ายเงินเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสิงคโปร์ได้ โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีน Moderna ภายใต้โครงการ Private Vaccination Programme (PVP) ได้ที่ Healthway Medical ของ รพ. Kwong Wai Shiu ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถทำการนัดหมายไปที่คลินิกได้โดยตรง


ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC)
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์


ข้อมูลอ้างอิง